homeideamaker

homeideamaker
homeideamaker บ้านและสวน

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

ป้องกันผนังแตกร้าว

10 ข้อต้องทำ 6 ข้อไม่ควรทำ กับเทคนิคป้องกันผนังแตกร้าว

ผนังบ้าน นอกจากจะใช้สำหรับแบ่งกั้นสัดส่วนห้องต่างๆ แล้ว ยังสามารถแต่งเติมให้บ้านดูสวยงามได้อีกด้วย อาจตกแต่งด้วยวิธีการ ทาสี ติดวอลเปเปอร์ หรือจะขัดมันให้ดูเท่สง่างามก็สามารถเลือกได้ตามสไตล์ที่เจ้าของบ้านต้องการ แต่ความสวยงามที่ยั่งยืนนั้นจำเป็นต้องอาศัยผนังที่แข็งแรง ไม่เกิดรอยแตกร้าว เพราะร่องรอยเหล่านี้มักเป็นสาเหตุกวนใจให้ผนังบ้านของเราลดความสวยงามลงไป ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นอาจหมายถึงการทรุดพังทลายหากไม่ได้ก่อผนังฉาบปูนด้วยหลักวิธีที่ถูกต้อง สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำเนื้อหาความรู้ เรียบเรียงจาก อาจารย์สำเริง ฤทธิ์พริ้ง วิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างมาฝาก ด้วย 16 ข้อสำคัญ ที่ช่างก่ออิฐ ฉาบปูน ควรต้องทราบ หรือแม้แต่ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ศึกษากันไว้สักนิดย่อมเป็นสิ่งที่ดีครับ โดยในเนื้อหาชุดนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกเป็น 10 ข้อที่ต้องทำ และส่วนที่สอง 6 ข้อไม่ควรทำครับ
สนับสนุนโดย : ปูนตราเสือ

10 ข้อต้องทำ ขั้นตอนก่ออิฐ ฉาบปูน

1. นำอิฐแช่น้ำก่อนก่อ 1 ชั่วโมง : พื้นฐานในการก่ออิฐ ลำดับแรกควรนำอิฐไปแช่น้ำหรือรดน้ำให้ทั่วจนอิ่มน้ำ จากนั้นตั้งพักไว้ให้หมาด ต้นเหตุที่ต้องนำอิฐแช่น้ำเนื่องด้วยอิฐที่ผ่านการเผามักมีความแห้งมาก หากก่ออิฐในขณะอิฐแห้ง อิฐจะดูดน้ำจากปูนก่อมาก ซึ่งอาจทำให้ปูนก่อขาดน้ำ ส่งผลให้ปูนแห้งร่วนก่อนแข็งตัว ผนังที่ได้จะไม่แข็งแรง การแช่น้ำนอกจากจะช่วยให้อิฐอิ่มน้ำแล้ว ยังช่วยทำความสะอาดผิวอิฐเพื่อให้เกิดการเชื่อมประสานกับปูนก่อได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
2. ก่ออิฐสลับแนว : เชื่อว่าข้อนี้คุณผู้อ่านน่าจะทราบกันดีแล้วว่า การก่ออิฐนั้นควรต้องก่อสลับแนว เนื้อหาชุดนี้จึงนำ 5 แนวทางการก่อมาฝากกันครับ โดยจะเป็นการก่อแบบสลับแนวทั้งหมด กรณีก่อหนาสองแถว เหมาะกับการก่อผนังภายนอก หรือผนังด้านที่โดนแสงแดดมาก วิธีการนี้ช่วยลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในบ้านได้เป็นอย่างดีครับ


3. ปูนก่อหนาไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร : การก่อผนังทั้งอิฐมอญและอิฐบล็อค ชั้นปูนก่อควรมีความหนาไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร หากปูนก่อหนามากเกินไป เมื่อปูนก่อเริ่มแห้งจะเกิดการทรุดตัวลงมา อีกทั้งยังส่งผลให้ผนังมีปัญหาโน้มเอียงไม่ได้ดิ่ง นอกจากนี้ยังเป็นการสิ้นเปลืองปูนซีเมนต์อีกด้วยครับ ยกเว้นกรณีอิฐมวลเบาเนื่องด้วยการก่ออิฐมวลเบาจะใช้ปูนกาวสำหรับอิฐมวลเบาโดยเฉพาะ ที่จะก่อบางเพียง 2-3 มิลลิเมตรเท่านั้น


4. ต้องมีเสาเอ็นและคานทับหลัง : เสาเอ็นและคานทับหลังควรมีทุกๆระยะความกว้าง 2.5 เมตร และความสูง 1.5 เมตร ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการกระจายน้ำหนักของอิฐก่อผนัง และช่วยไม่ให้ผนังพังทับลงมาได้ ความกว้างของเสาเอ็นและคานทับหลังควรกว้างไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตรหรือหนาเท่ากับความหนาของผนังที่ก่อ พร้อมทั้งเสริมเหล็กโครงสร้างภายในก่อนการหล่อเพื่อความแข็งแรงด้วย


5. ต้องมีเสาเอ็นที่มุมกำแพง : เสาเอ็นทำหน้าที่เป็นโครงให้ผนังยึด การก่ออิฐเป็นมุมจึงจำเป็นต้องมีเสาเอ็นเสมอ มิเช่นนั้นแล้วแนวอิฐจะไม่มีโครงสร้างอะไรให้ยึด ซึ่งจะส่งผลต่อความแข็งแรงในระยะยาวได้
6. ต้องมีเสาเอ็นที่วงกบประตูและหน้าต่าง : ทุกๆช่องเจาะของวงกบประตูและหน้าต่าง ควรมีเสาเอ็นและคานทับหลังล้อมเป็นกรอบไว้ เนื่องด้วยลักษณะของประตูและหน้าต่าง มีการเขยื่อนจากการเปิดปิดตลอดเวลา เสาเอ็นและคานทับหลังจะช่วยกระจายแรงกระทำต่อผนังอิฐ นอกจากนี้แล้วควรติดลวดตะแกรงกรงไก่ที่มุมวงกบเพื่อช่วยกระจายแรงให้กับชั้นปูนฉาบ ตรงส่วนนี้จะช่วยลดปัญหาการแตกร้าวบริเวณมุมวงกบได้เป็นอย่างดีครับ


7. เสียบเหล็กหนวดกุ้งทุกระยะ : ผนังอิฐที่แข็งแรงจำเป็นต้องอาศัยตัวช่วยยึดชั้นก่อระหว่างอิฐกับเสา โดยใช้วิธีการเสียบเหล็กเส้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร เสียบไปในเสาคอนกรีต ให้มีความยาวส่วนที่ยื่นออกมาไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร ช่วยให้ผนังอิฐมีความแข็งแรง ไม่หลุดออกจากแนวเสาหรือล้มลงมา


8. รดน้ำอิฐก่อนการฉาบ : หลังจากก่ออิฐเสร็จแล้วควรทิ้งช่วงให้ชั้นปูนก่อเซ็ทตัว ก่อนทำการฉาบ 1 วัน ควรรดน้ำให้ชุ่มทิ้งไว้ และรดน้ำซ้ำอีกครั้งในเช้าวันฉาบ เพื่อป้องกันอิฐแย่งน้ำจากเนื้อปูนฉาบ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรอยแตกร้าวได้
9. ใช้เครื่องผสมปูนดีกว่า : โดยปกติการผสมปูนเพื่องานฉาบ หากในอดีตนิยมใช้จอบเป็นเครื่องมือผสม แต่หากต้องการให้เนื้อปูนเข้ากันได้ดีกว่า การใช้สว่านไฟฟ้าติดใบกวน หรือเครื่องผสมปูน จะช่วยให้เนื้อปูนเข้ากันได้ดีกว่าการผสมด้วยมือ ทำให้ปูนซีเมนต์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น


10. รดน้ำหลังฉาบ 3-7 วัน : หลังจากฉาบผนังเสร็จแล้วควรทำการบ่มผนังด้วยการรดน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3-7 วัน การรดน้ำช่วยให้ปูนก่อพัฒนาความแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ ป้องกันผนังแตกร้าวได้เป็นอย่างดี

6 ข้อไม่ควรทำ

11. ห้ามก่ออิฐภายในวันเดียว : การทำงานเร็วนั้นอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับการก่ออิฐนั้นจำเป็นต้องรอเวลาเพื่อให้ชั้นปูนเซ็ทตัว เพราะหากก่อเร็วจนเกินไปอาจส่งผลให้เกิดการยุบตัวของชั้นปูน แม้จะเพียงเล็กน้อยไม่กี่มิลลิเมตร แต่ก็เป็นเหตุให้เกิดการแตกร้าวของผนังหลังฉาบได้เช่นกัน ดังนั้นควรวางแผนให้มีการก่อผนัง ให้มีระยะเวลาสำหรับหล่อเสาเอ็นและคานทับหลัง นอกจากนี้ควรเว้นระยะผนังก่อก่อนถึงท้องคานไว้ประมาณ​ 10 เซนติเมตร ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ​ 2-4 วัน เพื่อให้ปูนยุบตัวสมบูรณ์


12. อย่าก่ออิฐชนท้องพื้นสำเร็จรูปของชั้นบน : แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปมักจะแอ่นตัวได้ การก่อผนังจนชนท้องพื้นคอนกรีตสำเร็จจึงอาจส่งผลให้เกิดแรงกดลงบนสันของผนัง แรงกดนี้เป็นเหตุให้เกิดการแตกร้าวของผนัง
13. อย่าก่ออิฐบนพื้นสำเร็จรูป พื้นที่ไม่มีคาน : แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปมีความสามารถในการให้ตัว หากไม่แข็งแรงพอการก่ออิฐเสมือนการเอาน้ำหนักมาวางไว้บนแผ่นไม้ ยิ่งน้ำหนักมากยิ่งเกิดการแอ่นตัว หรืออาจส่งผลให้พื้นสำเร็จรูปแตกร้าว เพราะฉะนั้นควรออกแบบให้ผนังอิฐอยู่บนคานโครงสร้างที่มีการเสริมเหล็ก และออกแบบส่วนผสมคอนกรีตให้รับน้ำหนักได้


14. ไม่ควรฉาบเร็วเกินไป : การฉาบผนังจัดเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องอาศัยความพิถีพิถันเพื่อให้ได้งานที่ปราณีต การเร่งรีบในขั้นตอนดังกล่าวจึงอาจลดความสวยงามลงไป นอกจากนี้การฉาบที่ไม่ละเอียดยังส่งผลให้ความแข็งแรงของผนังลดลงอีกด้วย
15. ไม่ควรฉาบหนาเกินไป : การฉาบปูนหนาเกินไปนอกจากจะทำให้เปลืองปูนแล้ว ยังส่งผลให้ชั้นปูนฉาบแห้งช้าลง โดยปกติช่างจะมีการจับปุ่มหรือปั้นปูนตามเสา เพื่อให้ชั้นปูนฉาบได้ระนาบและแนวดิ่ง โดยมักกำหนดตามความหนาของวงกบประตูหรือหน้าต่าง โดยรวมแล้วชั้นปูนฉาบมีความหนาประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร


16. ใช้ของถูกอาจไม่คุ้มค่า : หากเป็นสินค้าทั่วไป ของถูกดีนั้นอาจมี แต่สำหรับสินค้าวัสดุก่อสร้าง คุณภาพของวัสดุมักผันผวนไปตามราคา ยิ่งมีราคาสูงคุณภาพยิ่งดี สำหรับท่านที่นิยมของถูก หากงบจำกัดจริงๆตรงส่วนนี้อาจต้องจำยอม แต่สำหรับท่านที่ไม่ได้จำกัดงบมากนัก การเลือกใช้วัสดุที่มีราคาสูงกว่าอาจไม่ได้หมายถึงแพงกว่า แต่หมายถึงคุณภาพที่ดีกว่า และมักให้ความคุ้มค่าในระยะยาว การสร้างบ้านเป็นเรื่องราวที่ต้องคิดเผื่อกันไว้หลายสิบปี สร้างแล้วอยู่กันยาวๆ วัสดุที่ดีจะช่วยให้ปัญหาต่างๆลดลงไปได้ดีครับ


สำหรับ 16 ข้อที่เอ่ยมาข้างต้นนี้ เป็นการรวมเทคนิคที่จะช่วยให้ผนังปูนบ้านของเรา สวยงาม ทนทาน ลดโอกาสแตกร้าวได้เป็นอย่างดี  แต่นอกจากเทคนิคการทำงานที่ต้องใส่ใจแล้ว จะเห็นได้ว่าวัสดุคุณภาพ อย่างปูนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันปัญหาแตกร้าว และตราเสือก็มีนวัตกรรมที่จะช่วยป้องกันปัญหาแตกร้าว ด้วยสูตรใหม่ “เสือ มอร์ตาร์ สูตรแพลทินัม” หรือถ้าต้องการจะหาสูตรอื่น ๆ ที่เหมาะกับงานของตัวเอง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ฟรี 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น